- หน้าแรก
- บทความ สาระ
- เราปั่นจักรยานเพื่ออะไรกันและควรฝึกอย่างใรบ้าง
เราปั่นจักรยานเพื่ออะไรกันและควรฝึกอย่างใรบ้าง
คนปั่นจักรยานทุกๆคนย่อมมีจุดมุ่งหมายในการปั่นอยู่ด้วยไม่ข้อใดก็หนึ่ง แล้วเพื่อนๆล่ะอยู่ในข้อใด
1. ปั่นจักรยานเพื่อเดินทางไปทำงาน หมายถึง เพื่อนที่ใช้จักรยานเป็นพาหนะหลักของในการเดินทางไปที่ต่างๆ ไปทำงานในเมือง หรือต่างจังหวัด ข้อนี้ สิ่งที่ต้องตอบโจทย์แรก คือ
- ระยะทางเท่าไร ถ้าใกลัไม่เกิน 10 กม. รถอะไรก็ใช้ได้ครับ แม้แต่รถแม่บ้าน ถ้าไกลอาจใช้รถที่สามารถทำความเร็วได้สักหน่อย เช่นเสือภูเขาทางเรียบ เสือหมอบ รถcity bike ล้อ 700 รถไฮบริด
- สภาพเส้นทางเป็นตัวกำหนดประเภทของรถอีกด้วย ถ้าทางไม่ค่อยดี มีหลุม บ่อ ลูกรัง อาจใช้รถเสือภูเขายางใหญ่หน่อยได้ ทางเรียบยาวๆ ใช้เสือหมอบหรือพวก ซิตี้ไบค์ก็ได้
- จักรยานประเภทไหนถึงจะเหมาะกับการฝึกฝน เพื่อนคงไม่ต้องไปฝึกอะไรมาก เมื่อปั่นเป็นประจำนั่นคือการฝึกของอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนต้องการร่นระยะเวลาลง ก็ปั่นให้มันเร็วขึ้นเท่านั้นเอง ประโยชน์สุขภาพร่างกายแข็งแรง ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ส่วนหนึ่งทีเดียว
2. ปั่นเพื่อสุขภาพ หมายถึงเพื่อนต้องการลดน้ำหนัก หรือเพื่อใช้กีฬานี้พัฒนาร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรง แทนที่จะเป็นการออกกำลังกายชนิดอื่น การฝึกฝน ควรจะปั่นจักรยานให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องคิดจะไปชนะใคร แค่ชนะใจตัวเองให้ได้ ว่าต้องออกปั่นอย่างน้อย อาทิตย์ละ 3 วัน วันละ ไม่ต่ำกว่า 30 นาที – 1 ชั่วโมง แต่ไม่ควรหักโหมเกินไป กรณีที่เพื่อนมีอายุมาก หรือมีโรคประจำตัว ก็ควรจะปรึกษาแพทย์ด้วยนะครับ
3. ปั่นเพื่อออกทริป ท่องเที่ยว สันทนาการ หมายถึงเพื่อนๆต้องการใช้จักรยานเป็นพาหนะ เป็นกีฬาออกกำลังกาย เริ่มจริงจังมากขึ้น. การฝึกฝน ควรจะเริ่มมองหากลุ่มเพื่อน ที่ปั่นด้วยกันระแวกใกล้ๆที่พัก เพื่อทำให้การปั่นมาประสิทธิภาพ มีการเปรียบเทียบ มีการแข่งขันเล็กๆภายในกันมากขึ้น ใช้เวลาอย่างมีค่า ในการออกทริปต่างๆกับกลุ่มเพื่อนในวันหยุด ครั้งละ 3-4 ชั่วโมงก็เข้าทีครับ มาถึงระดับนี้เพื่อเป็นการไม่ให้น้อยหน้าเพื่อนๆในกลุ่ม เราก็จะหาเวลาปั่นซ้อมกันเองมากขึ้น วันละ 1-2 ชั่วโมง ควรจะมีวันให้ร่างกายได้พักผ่อนบ้าง อาทิตย์ละ 1-2 วัน ข้อดีของการออกทริปท่องเที่ยว สนุกสนาน รื่นเริงคลายความเครียด สุขภาพร่างกายแข็งแรง ทานอาหารได้เต็มที่ไม่ต้องอดอด หยากเพื่อ ลดอาหาร
4. ปั่นเพื่อจะเป็น “ขาแรง” เมื่อเข้ากลุ่มมาแล้ว เริ่มมีการแข่งขัน หรืออยากออกทริปปั่นกับกลุ่มอื่นๆ ก็มีอารมณ์อยากจะไปวัดแรงกับกลุ่มอื่นที่ไม่รู้จักบ้าง ขั้นนี้ก็แสดงว่าเพื่อนต้องใส่ใจกับการฝึกซ้อมมากขึ้นแล้วล่ะครับ ยกตัวอย่างออกทริปปั่น 100 กิโล พอผ่านพ้นไป 60-70 กิโล เราโดนทิ้งห่างจากกลุ่มนำเป็นชั่วโมง ไม่มีกำลังใจจะปั่นต่อ อยากขึ้นรถแล้ว 555 ทำไมเราถึงปั่นตามพวกข้างหน้าไม่ทันนะ แล้วถ้าต้องการมากกว่านั้นหล่ะ แบบว่าอยากเป็นผู้นำลากกลุ่มบ้าง แบบนี้ต้องมาฝึกเพิ่มเติมอีกเยอะทีเดียว การฝึกฝน ในขั้นนี้จะไม่ใช่การออกปั่นจักรยานแบบ 3 ข้อด้านบนแล้ว ต้องเปลี่ยนเป็นคำว่า “ซ้อมปั่นจักรยาน” ให้ตามเป้าหมายที่ว่าเราสามารถ ออกทริปใหญ่แล้วปั่นไปกับกลุ่มนำได้ หรือไม่โดนทิ้งขาดจนเกินไป อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีมาเสริมนอกจากไมล์วัดระยะทางแล้ว ก็ควรจะมี ไมล์วัดรอบขา Cadance ไมล์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ Hart rate Monitor เพื่อนำมาประยุกต์ในการซ้อมให้มีประสิทธิภาพและ ตรวจสอบความก้าวหน้าได้.
เวลาที่ใช้ในการฝึกซ้อม ไม่ต่ำกว่า 4 วัน/1สัปดาห์ เวลาอย่างน้อย 1 ชม.ตามตารางที่จัดแตกต่างกันออกไป วันไหนมีเวลามาก เช่นเสาร์ หรืออาทิตย์ ควรจะให้เวลากับการซ้อม 3-4 ชั่วโมง ระยะทาง 80-100 กิโล สำหรับในวันธรรมดา คนที่ไม่สามารถออกจากบ้านหลังเลิกทำงานได้ ก็ควรมี เทรนเนอร์ หรือลุกกลิ้งไว้ฝึกซ้อม อย่างต่ำวันละ 1 ชม.ครับ. ข้อดีของ “ขาแรง” สนุกสนานเมื่อไปทริปไหนๆ ก็ยังมีเพื่อนๆ ที่ร่วมทางไปด้วย ไม่ถูกทิ้ง หรือถ้าเราแรงกว่าคนอื่นก็ถนอมแรงมาปั่นไปกับเพื่อนๆได้ ทำให้การปั่นจักรยานของเราสนุกสนานขึ้น นอกเหนือจากนั้นก็คือร่างกาย และหัวใจเราที่แข็งแรงขึ้นไปด้วยนั่นเองครับ
5. ปั่นเพื่อการแข่งขัน ข้อนี้เรามักจะพบว่า น่าจะผ่านการปั่นจากข้อ 4 มาก่อน การเข้าสู่การแข่งขันเพื่อนต้องทำอะไรอีกมากต่อมากมาย เสียทั้งกำลังทรัพย์ในการอัพจักรยานให้พร้อมและเหมาะกับการแข่ง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปแข่ง เช่นค่าสมัคร(เดี๋ยวนี้แพงโคตร) ค่าที่พัก ค่าอาหาร และที่สำคัญ ต้องแบ่งเวลาจากส่วนอื่นที่มีอยู่ไม่มากนัก มาเพิ่มให้สำหรับการฝึกฝนที่ต้องมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อนี้ต้องระวังให้ดีนะครับ ต้องจัดการบริหารเวลาให้ดีอย่าให้มีปัญหาด้านการงานและครอบครัว นอกจากนั้นยังต้องค้นคว้าหาตำราฝึกฝน หาแหล่งที่ฝึกวิทยายุทธ แม้กระทั่งหาโค๊ชหรือผู้ฝึกสอน การฝึกฝนสำหรับการแข่งขัน มักใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5-6 วันสำหรับการฝึก เวลาพักอย่างน้อย 1 วัน ประโยชน์สำหรับข้อนี้ อาจจมีไม่มากส่วนมากเป็นการวัดระดับความสามารถของเราว่าฝึกซ้อมมาหนักขนาดนี้ น่ะจะสู้คนอื่นได้ไหม ได้ถ้วย ได้รางวัลมาก็เป็นความภูมิใจ ส่วนมากถึงจุดๆนี้ น่าจะเป็นด้วยใจซะมากกว่า รางวัลถ้าเป็นเงิน ยังน้อยกว่าค่าใช้จ่ายเพื่อเดินทางไปแข่งเสียอีก ได้แต่ฝันไปว่าคงมีสักวันที่นักกีฬาจักรยานบ้านเราสามารถปั่นจักรยานเลี้ยงชีพได้
เท่าทีน้าเห็นหลายๆคนค่อยๆยกระดับตัวเองมาทีละข้อๆขึ้นเรื่อยๆ มาตามความแข็งแรงที่มากขึ้นหรือตามความคลั่งไคล้ไหลหลง ที่นับวันจะมากยิ่งขึ้น ไต่ระดับมาทีละข้อ จนขึ้น ข้อ 5 ก็หลายคนครับ. แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าเพื่อนจะอยู่ในข้อไหน ทุกคนก็ได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายด้วยกีฬาจักรยานโดยทั่วถ้วนครับ
เครดิต พิชิตชน สุนทรวร เป้ มหาชัย กลุ่ม 100 Rpm Room