- หน้าแรก
- บทความ สาระ
- รู้จัก แลนซ์ อาร์มสตรอง และ ถอดรหัสคำสารภาพว่าที่ผ่านมาเขาใช้สารต้องห้ามจริง
รู้จัก แลนซ์ อาร์มสตรอง และ ถอดรหัสคำสารภาพว่าที่ผ่านมาเขาใช้สารต้องห้ามจริง
แลนซ์ อาร์มสตรอง (อังกฤษ: Lance Armstrong ชื่อเมื่อเกิดว่า แลนซ์ เอ็ดเวิร์ด กันเดอร์สัน [Lance Edward Gunderson], เกิดวันที่ 18 กันยายน 1971) เป็นอดีตนักแข่งขักรยานถนนอาชีพชาวอเมริกัน เขาเป็นแชมป์โลกในปี 1993 หลังจากเลิกแข่งจักรยาน อาร์มสตรองยังลงแข่งวิ่งมาราธอน การแข่งจักรยานภูเขามาราธอน ไตรกีฬาและไอรอนแมน (Ironman)
เกิด : 8 กันยายน ค.ศ. 1971 (44 ปี) พลาโน รัฐเทกซัส
สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา
อาชีพ : นักจักรยาน
เขาเป็นที่รู้จักกันดีจากผลงานของเขาในการแข่งขันตูร์เดอฟร็องส์ แต่ในเดือนมิถุนายน 2012 คณะกรรมการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของสหรัฐอเมริกา (US Anti-Doping Agency, USADA) กล่าวหาว่าอาร์มสตรองใช้สารกระตุ้นผิดกฎหมาย และในเดือนสิงหาคม คณะกรรมการดังกล่าวประกาศสั่งห้ามมิให้อาร์มสตรองลงแข่งขันตลอดชีพ เช่นเดียวกับริบตำแหน่งทั้งหมด วันที่ 22 ตุลาคม 2012 สหพันธ์จักรยานสากล ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแล ยอมรับคำตัดสินของ USADA และยืนยันทั้งการสั่งห้ามตลอดชีพและการริบตำแหน่งทั้งหมดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1998 ซึ่งรวมถึงแชมป์ตูร์เดอฟร็องส์ตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2005
แลนซ์ อาร์มสตรอง ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่สมอง ปอด และอัณฑะ เมื่อปี 1996 เขามีชื่อเสียงอย่างมากในการเอาชนะมะเร็งและกลับมาแข่งจักรยานได้อีกครั้ง เขาเป็นผู้ก่อตั้งและอดีตประธานมูลนิธิแลนซ์ อาร์มสตรองเพื่อการสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็ง ในเดือนตุลาคม 2012 อาร์มสตรองลาออกจากตำแหน่งประธานหลังมีการตีพิมพ์ข้อกล่าวหาของ USADA
ถอดรหัสคำสารภาพว่าที่ผ่านมาเขาใช้สารต้องห้ามจริง
เป็นที่กระจ่างชัดแล้วเมื่อ แลนซ์ อาร์มสตรอง อดีตนักปั่นจักรยานเจ้าของแชมป์ ตูร์ เดอ ฟร้องซ์ 7 สมัย ได้สารภาพว่าที่ผ่านมาเขาใช้สารต้องห้ามจริง อาร์มสตรอง ได้เปิดใจอย่างละเอียดผ่านทางรายการโทรทัศน์ โดยมีพีธีกรชื่อดัง โอปราห์ วินฟรี่ย์ สัมภาษณ์แบบคำต่อคำ ลองไปฟังคำสารภาพของเขาอย่างละเอียดว่าที่ผ่านมาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสารต้องห้ามได้อย่างไร แล้วรู้สึกยังไงกับผลพวงจากการใช้สารต้องห้าม
คุณเคยใช้สารต้องห้ามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขี่จักรยานของคุณหรือไม่
LA เคย
อีพีโอ เป็นหนึ่งในสารต้องห้ามที่คุณใช้ใช่หรือไม่
LA ใช่
คุณเคยใช้ยาเสพติดหรือใช้การถ่ายเลือดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขี่จักรยานของคุณหรือไม่
LA เคย
คุณเคยใช้สารต้องห้ามอื่นๆ เช่น ฮอร์โมนเพศชาย , คอร์ติโซน หรือ ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตหรือไม่
LA เคย
ในช่วงที่คุณได้แชมป์ ตูร์ เดอ ฟร้องซ์ ทั้ง 7 สมัย คุณเคยใช้สารต้องห้ามหรือไม่
LA เคย
เป็นไปได้ไหมที่มนุษย์จะได้แชมป์ ตูร์ เดอ ฟร้องซ์ ถึง 7 สมัย โดยไม่ใช้สารต้องห้าม
LA ผมคิดว่าไม่ได้ สมัยนั้น ผมไม่ได้เป็นคนริเริ่มการใช้สารต้องห้าม แต่ผมเองก็ไม่ได้พยายามที่จะหยุดการใช้สารต้องห้ามเช่นกัน
เป็นเวลาถึง 13 ปีเข้าให้แล้วที่คุณไม่ได้แค่ปฏิเสธว่าใช้สารต้องห้าม แต่คุณยังท้าทายกับข้อกล่าวหาทุกอย่าง แล้วทำไมวันนี้ถึงยอมรับดื้อๆ
LA นี่เป็นคำถามที่ดีที่สุด เป็นคำถามที่มีเหตุผลที่สุด ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองมีคำตอบที่ดีให้รึเปล่านะ ผมจะเริ่มด้วยการตอบว่ามันสายเกินไปแล้ว สายเกินไปสำหรับคนส่วนมาก ซึ่งมันอาจจะเป็นความผิดของผมเอง ผมมองสถานการณ์นี้คล้ายๆกับการโกหกคำโตที่ผมกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็อย่างที่คุณบอกว่าผมไม่ได้แค่ตอบปัดเฉยๆ
คุณท้าทายคนอื่นๆ อย่างรุนแรง เรียกคนเหล่านั้นว่าพวกโกหก
LA ผมเข้าใจดี ผมใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาดังกล่าว 2 ปี, 1 ปี, 6 เดือน, 2 เดือน, 3 เดือน ผมรู้ความจริงทั้งหมด ความจริงไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏอยู่ ความจริงไม่ใช่สิ่งที่ผมกล่าวไว้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว เรื่องราวทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบมายาวนาน ซึ่งผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ ผมพยายามเอาตัวเองออกไปจากสถานการณ์เหล่านี้แล้วลองมองดู ผมรอดพ้นจากโรคร้าย ได้แชมป์ ตูร์ เดอ ฟร้องซ์ 7 สมัย มีชีวิตสมรสที่สมบูรณ์ มีลูกน้อย ลองคิดดูว่าเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์ราวกับเทพนิยาย จริงมั้ยล่ะ
ยากมั้ยที่ใช้ชีวิตอยู่ในภาพที่ถูกสร้างขึ้นมา
LA เป็นไปไม่ได้เลย ผมเป็นเหมือนตัวละครตัวหนึ่ง ที่ผมรู้จักดี ผมเองก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
แต่คุณก็เป็นคนที่เขียนมันขึ้นมาเองนี่
LA ก็ใช่ ผมเขียนขึ้นมาเอง หลายคนก็ช่วยแต่งเติมมันเช่นกัน ความผิดและคำตำหนิทั้งหมดตกอยู่กับผม แต่ภายหลังฉากนั้นมันเป็นแรงผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นแฟนๆหรือสื่อมวลชน มันมีแต่จะไปเรื่อยๆ แล้วผมก็เสียความเป็นตัวเองไปตอนนั้นเอง ผมเชื่อว่าคงมีคนอื่นๆที่ทนรับไม่ไหวเช่นกัน ตัวผมเองก็รับไม่ไหว ผมเคยควบคุมทุกอย่างในชีวิตตัวเอง เคยควบคุมผลของการกระทำของตัวเอง
คุณบอกฉันไว้ก่อนหน้านี้ว่า คุณไม่คิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะคว้าแชมป์โดยไม่ใช้สารต้องห้าม
LA ไม่ได้ในสมัยนั้น แล้วผมก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อกล่าวถึงคนอื่นๆในสมัยนั้น มันเป็นอะไรที่ทำกันมาเนิ่นนานแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนริเริ่มวัฒนธรรมดังกล่าว แต่ผมก็ไม่ได้พยายามจะหยุดมัน ซึ่งนั่นเป็นความผิดของผม แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเสียใจมากๆ เวลานี้วงการจักรยานเองก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นผมต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวมาก่อน
องค์กรต่อต้านการใช้ต้องห้ามของ อเมริกา ออกรายงาน 164 หน้า ทราวิส ไทการ์ต ซีอีโอ ของพวกเขาบอกว่าคุณและทีม ยูเอส โพสทอล รอดตัวจากการตรวจสอบการใช้สารต้องห้ามที่มีความซับซ้อนมากที่สุด เป็นมืออาชีพมากที่สุด และประสบความสำเร็จสูงสุด เท่าที่เคยมีในวงการกีฬา ใช่หรือไม่
LA ไม่หรอก ใช่ที่มันเป็นมืออาชีพ แล้วก็เป็นสิ่งที่ทันสมัยมาก ถ้าคุณจะเรียกอย่างนั้น แต่ก็เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไป ไม่ได้เสี่ยงอะไร ยิ่งถ้าจะบอกว่าโปรแกรมนี้ยิ่งใหญ่กว่าตอนตรวจสารต้องห้ามของทีม เยอรมันตะวันออก ในยุค 70 และ 80 มันไม่ใช่เลย
วัฒนธรรมคืออะไร พอจะอธิบายให้เรากระจ่างได้ไหม
LA ผมไม่อยากจะกล่าวหาใคร ผมไม่อยากจะกล่าวถึงใครเป็นรายบุคคล ผมตัดสินใจของผมเอง ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แล้วนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมานั่งตรงนี้เพื่อกล่าวขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนวัฒนธรรมก็คือสิ่งที่มันเคยเป็นอยู่
ทุกๆ คนใช้มันหรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่เราทราบมา มันจริงหรือเปล่า
LA ผมไม่รู้ ผมไม่ได้อยู่กับพวกเขา ไม่ได้ซ้อมกับพวกเขา ไม่ได้ลงไปแข่งกับพวกเขา ผมบอกไม่ได้หรอก มีบางคนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ พวกเขาจะบอกได้ว่ามีนักแข่ง 200 กว่ารายในทัวร์ บอกได้เลยว่า 5 คนนี้ไม่ได้ใช้ พวกเขาเป็นฮีโร่
คุณใช้มันยังไง อธิบายให้ฟังหน่อย กินยา หรือใช้เข้าไปทางกระแสเลือด มันทำงานยังไง
LA ผมมองว่ามันง่ายมากเลย มีออกซิเจนชนิดหนึ่งที่ช่วยได้มากในการขี่จักรยาน อีพีโอ เองก็เช่นกัน แต่ผมไม่ได้ใช้มากนักหรอก หรือจะเป็นอย่างการถ่ายฮอร์โมนเพศชายที่จริงๆ แล้วผมเหลือไม่มากนัก
กลัวบ้างไหมว่าจะถูกจับได้ ในปี 1999 ยังไม่มีการตรวจ อีพีโอ ด้วยซ้ำ
LA ไม่นะ การทดสอบเริ่มพัฒนาแล้ว สมัยนั้นพวกเขาไม่ได้มาถึงบ้านคุณ แล้วก็ไม่ได้มีการตรวจเวลาที่ไม่ได้แข่งขัน ตลอดอาชีพผมมีน้อยครั้งมากที่ต้องถูกตรวจเวลาที่ไม่ได้ลงทำการแข่งขัน ดังนั้นคุณไม่มีทางโดนจับได้เลย เพราะคุณจะทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ก่อนการแข่งขัน มันเป็นคำถามเกี่ยวกับตารางการแข่งขัน อาจจะฟังดูแปลก ผมไม่ได้ชื่นชอบ ยูซีไอ แต่คำนำในหนังสืออัตชีวประวัติมันได้ผล ผมต้องชดใช้ซึ่งก็สมควรแล้ว ความทะเยอทะยานที่จะชนะกลับมาทำลายตัวผมเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันคือความผิดพลาด
ตอนที่คุณได้อันดับ 3 ในปี 2009 ครั้งนั้นคุณไม่ได้ใช้สารต้องห้ามใช่มั้ย
LA ครั้งสุดท้ายที่ผมใช้สารต้องห้ามคือในปี 2005
นั่นรวมถึงการถ่ายเลือดหรือเปล่า คุณยืนยันว่าไม่มีการใช้สารต้องห้ามใดๆทั้งสิ้นในปี 2009 , 2010 LA ไม่มี
คริสเตียน วานเด เวลเด้ อดีตเพื่อนร่วมทีมของคุณ รายงานกับ องค์กรต่อต้านการใช้ต้องห้ามของ อเมริกา ว่าคุณขู่จะไล่เขาออกจากทีมถ้าเกิดเขาไม่สามารถรับกับโปรแกรมการใช้สารต้องห้ามของทีมได้
LA ไม่จริงเลย มันมีระดับของความคาดหวัง เราหวังว่าเขาจะฟิตพอสำหรับการแข่งขัน ผมไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกในเวลานี้ ถ้าผมเป็นผมก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ได้เห็น
เพื่อให้ได้รับชัยชนะมา คุณจึงต้องใช้สารต้องห้ามใช่หรือไม่ คุณพอจะบอกได้ไหมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
LA ใช่ ซึ่งผมไม่แน่ใจนะว่านี่จะเป็นคำตอบที่รับได้หรือไม่ แต่นั่นก็เป็นมุมมองของผม
แล้วคุณมีความสุขไหมกับการได้รับชัยชนะโดยที่รู้ว่าได้มาเพราะใช้สารต้องห้าม
LA มีสิ ทั้งตอนแข่งขัน ตอนสร้างทีม ตอนเตรียมตัว
คุณรู้สึกผิดบ้างไหม
LA ไม่
ไม่แม้แต่นิดเดียวเลยหรือ
LA ไม่เลย
รู้สึกแย่บ้างมั้ย
LA ไม่
เคยคิดไหมว่าตัวเองโกง กับการใช้สารต้องห้ามเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
LA ตอนนั้น ไม่เลย ผมฟังคนบอกว่าผมใช้สารต้องห้าม ผมโกง ผมเคยหาความหมายของคำว่าโกง ซึ่งโกงหมายความว่าคุณเอาเปรียบจากคู่แข่งในสิ่งที่พวกเขาไม่มี แต่ผมไม่ได้มองแบบนั้น
เคยคิดไหมว่าวันนี้จะมาถึง วันที่คุณจะถูกจับได้
LA ผมเคยคิดว่าเรื่องมันจะยืนยาวไปนานๆ เหตุที่เราต้องมาอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะการสอบสวนกลางทางอาญา
ตอนที่กระทรวงยุติธรรมปิดคดี คุณรู้สึกว่าโล่งอกว่ารอดแล้วใช่มั้ย
LA ผมคิดว่ารอดแล้ว แต่ก็ยังมีหวาดเสียวอยู่เช่นกัน
ตอนที่รู้ว่าองค์กรต่อต้านการใช้ต้องห้ามของ อเมริกา รื้อคดีขึ้นมาใหม่ คุณรู้สึกยังไง
LA ปฏิกิริยาแรกของผมคือต้องสู้ แต่จริงๆ ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงไม่สู้ คงไม่ฟ้องพวกเขา แล้วก็ฟังเฉยๆ อาจจะบอกพวกเขาว่าให้ผ่อนปรนให้ผมหน่อย อย่าทำกับผมเหมือนนักแข่งคนอื่นๆ
หลังจากนี้คุณจะให้ความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามของ อเมริกา เพื่อทำให้กีฬาจักรยานปราศจากมลทินไหม
LA ถ้าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ผมเป็นคนแรกที่จะยื่นมือเข้าไปทันที