- หน้าแรก
- บทความ สาระ
- นักปั่นผู้โดดเดี่ยว ทำไมถึงตัองปั่นคนเดียว
นักปั่นผู้โดดเดี่ยว ทำไมถึงตัองปั่นคนเดียว
Created
วันอังคาร, 15 กันยายน 2558
ทำไมถึงตัองปั่นคนเดียว
- มือใหม่ขาใหม่ไร้เพื่อนปั่นด้วย เลยต้องปั่นลำพัง ครับแบบนี้ยากหน่อยที่จะเรียนรู้การปั่นที่ถูกต้องเพราะไม่มีใครแนะนำ ทุกเรื่อง เรื่องรถ เรื่องการปั่น ถ้ารู้จักที่จะเรียนรู้หาข้อมูลด้วยตัวเองก็พอช่วยได้บ้างครับ
- มือเก่าขาอ่อน ไม่เคยพัฒนาเรื่องการฝึกซ้อม ส่วนมากจะขี้เกียจ ไม่ค่อยออกปั่น บางคนรู้ทุกอย่างแต่ไม่ทำ ปั่นตามเพื่อนไม่ค่อยจะทัน เลยต้องมาปั่นคนเดียวต่อไป
- มือโปร แบบว่าปั่นเก่ง ปั่นเร็วจัดจนเพื่อนตามไม่ทัน ขึ้นนำกลุ่มทีไร ทิ้งเพื่อนหายไปเจอกันอีกที่ร้านกาแฟ คือทิ้งเพื่อน ข้าเก่ง ข้าแน่ ถึงก่อนคนอื่น เลยโดนเพื่อนทิ้งไม่อยากมาร่วมปั่นด้วยกับคนแบบนี้ จนต้องมาปั่นคนเดียว
- นักปั่นเวลาจำกัด คือมีเวลาน้อยในการปั่น ต้องรีบไปรีบกลับเนื่องจากภาระกิจที่รอ หรือต้องรีบกลับไปทำงาน กรณีนี้ ถ้ามาร่วมปั่นกลุ่มตามนัด ก็ย่อมต้องมีคนที่ผิดเวลาอยู่ด้วยเสมอ กว่าจะรอให้พร้อมกันก็แทบหมดเวลาพอดี. เจอแบบนี้ ปั่นคนเดียวดีกว่า
- นักปั่นจอมซุ่ม ชอบแอบฝึกคนเดียวประจำ กลัวเพื่อนรู้ ถ้าใช้การ์มิน เวลาฝึกเสร็จจะ discard ทันที ที่การ์มินถาม ไม่ยอม save 555 เวลาเจอเพื่อนสุดสัปดาห์ก็บอกว่า ไม่มีเวลาซ้อมเลย ไม่ค่อยมีแรง แต่เวลาอยู่ในกลุ่มปั่นกระจุยยิงกระจาย แรงล้นเหลือ
- นักปั่นโลกสวย จอมอนุรักษ์ ปั่นชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติ ไปเรื่อยๆ ไม่สนใจความเร็ว มีความสุขกับการปั่นเช่นนี้ ไม่ค่อยเป็นมิตรกับกลุ่มปั่นเร็ว มองว่าบ้าพลัง อันตราย แบบนี้เลยต้องปั่นคนเดียว
- นักปั่นที่เวลาไม่ตรงกับคนอื่น วันหยุดที่จะปั่นได้ยาวๆก็ไม่ตรง แบบนี้ คงต้องปั่นคนเดียวครับ
- นักปั่นขี้กลัว ไม่กล้าปั่นกลุ่ม กลัวเกิดอุบัติเหตุ กลัวเกี่ยวกันล้ม ไม่มั่นใจในตนเอง คงต้องปั่นคนเดียวต่อไปครับ
การปั่นคนเดียวอาจมีทั้งผลดีและผลเสียดังต่อไปนี้
ข้อดี
- ได้ฝึกความสามารถของตัวเองกับลมปะทะ ฝ่ากำแพงลม ไม่สามารถซุกกลุ่มได้ ทำให้ยิ่งปั่นยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งคงความเร็วได้นาน เมื่อเข้ากลุ่มจริง ๆ ก็สามารถออกแรงได้มากกว่าพวกที่ไม่เคยขี่เดี่ยว เอาแต่ซุกกลุ่มอยู่ร่ำไป
- ข้อดีอย่างที่สองคือสามารถฝึกซ้อมได้ทุกรูปแบบที่อยากฝึก เช่น สามารถซ้อมแบบอินเตอร์วัล คือขี่ด้วยความเร็ว, รอบขาสูงๆ สลับกับการขี่แบบผ่อนคลายเพื่อฟื้นสภาพเป็นระยะ เราทำอินเตอร์วัลได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ต้องรอหรือต้องปั่นหนีใคร เมื่อเหนื่อยก็หยุดได้โดยไม่ต้องให้ใครมารออีก
- สามารถบริหารเวลาได้อย่างประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ต้องกังวล กับเพื่อนๆในกลุ่ม ใครจะช้า ใครจะเร็ว ไม่ต้องมานั่งรอกัน
ข้อเสีย
- ไร้ซึ่งการเข้าถึงจิตวิญญานของการเข้าร่วมกลุ่ม ขาดความสนุกสนาน ขาดความร่วมมือ ร่วมใจในกลุ่มและสังคมจักรยาน ซึ่ง มีอะไดีๆที่น่าศึกษา อีกมาก เช่น มิตรภาพของเพื่อน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สังคมจักรยาน น้าว่าเป็นมิตรกันที่สุดแล้ว
- ความปลอดภัยต่อทรัพย์สิน เมื่อปั่นคนเดียวอาจเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดได้ เช่น คือการถูกชิงจักรยาน มีหลายรายที่ถูกทำร้ายแล้วชิงจักรยานราคาแสนแพงไป อีกหลายรายเช่นกันที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยแก็งมอเตอร์ไซค์ป่วนเมือง ไม่ชิงแต่หมั่นไส้ ขอถีบคนให้สะใจหน่อยเถอะ ไม่สนเรื่องถีบจักรยานล่ะ ดังนั้นจึงอย่าได้นิ่งนอนใจ โจรสมัยนี้รู้จักหาข้อมูลกันมากว่า มองปราดเดียวรู้ด้วยว่าจักรยานของคุณราคาแค่หลักพันหรือแสน
- ความปลอดภัยต่อร่างกาย สิ่งที่เพื่อนต้องระวังให้จงหนัก ก็คือโรคภัยไข้เจ็บ ต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเอง ยิ่งถ้าเพิ่งเริ่มปั่นแล้วมีโรคประจำตัวเช่น หอบหืด ควรจะวนอยู่ในระแวกบ้านใกล้ ๆ ควรพกบัตรประกันอุบัติเหตุ หรือบัตรประชาชนเอาไว้พร้อมกับเงินติดตัวจำนวนหนึ่ง และพกโทรศัพท์เคลื่อนที่ ใช้โทรขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักในกรณีมีอุบัติเหตุหรือล้มป่วยกลางทาง แต่ก็ใช่ว่าเพื่อนที่เรี่ยวแรงดีไม่มีโรคภัยจะปลอดภัย แม้จะแข็งแรง แต่หากขาดความระวังก็อาจมีอาการวูบตรงสี่แยกไฟแดงได้ พวกที่วูบหลังจากปั่นหนัก ๆ มาแล้วนั้นต่างไม่มีใครเป็นโรคอะไรเลยสักคน เพียงแต่การหยุดขี่กะทันหันจะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดสู่สมองเท่านั้น การเลือกเส้นทางที่ดีจะยิ่งสำคัญมากเมื่อจะขี่คนเดียว เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สิน เส้นทางเปลี่ยวไร้ผู้คนอาจอันตรายหากไม่ตะเวนดูด้วยรถยนต์เสียก่อนออกไปปั่น
**สรุป
ถ้าเอาทั้งสองอย่างมาผสมผสาน กัน น่าจะเป็นแนวทางที่ดีนะครับ ทั้งการปั่นกลุ่มกับเพื่อนๆและหาเวลาบางวันมาปั่นคนเดียวบ้าง ไม่ใช่เลือกทางใดทางหนึ่งไปเสียทีเดียว การปั่นเดี่ยวก็ช่วยให้พัฒนาอย่างหนึ่ง และการปั่นกลุ่มก็เป็นการช่วยผลักดันความสามารถในตัวเราที่ซ่อนเร้นอยู่ให้แสดงออกมาได้ดีไม่แพ้กันครับที่เรียกกันว่าพลังกลุ่มนั่นเอง
เครดิต พิชิตชน สุนทรวร เป้ มหาชัย กลุ่ม 100 Rpm Room