เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 3 เมษายน 59 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก และตำรวจสภ.แม่สอด ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้คลังสินค้าที่ 9 ท่าขนส่งสินค้าที่ 13 บ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด

ที่เกิดเหตุพบ เพลิงกำลังลุกไหม้โกดังเก็บสินค้า และร้านค้าประเภทจักรยาน มือสองจากประเทศญี่ปุ่น ที่รอการข้ามไปยังจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ ตรงข้ามบ้านท่า จึงรีบฉีดน้ำเพื่อดับไฟ แต่เพลิงก็ลุกไหม้ลามไปยังรวดเร็ว เนื่องจาก เป็นอาคารทำด้วยโครงเหล็ก พื้นคอนกรีต ขนาด ใหญ่ และแออัดไปด้วยสินค้า ทั้งจักรยานและอะไหล่จำนวนมาก

ขณะที่ชาวเมียนมาร์ ที่รับจ้างอยู่ในคลังสินค้า และพื้นที่ใกล้เคียงไปช่วยกันดับไฟ บางส่วนขนข้าวของตัวเองออกจากที่พัก เช่นเดียวกับชาวไทย และแรงงานเมียนมาร์ที่พัก และอาศัยบริเวณรอบๆ จุดเกิดเหตุ ต่างขนของ สมบัติอันมีค่าหนีกันจ้าระหวั่น ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ได้นำกำลังตำรวจสอบดูแลความปลอดภัย  และป้องกันการฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินภายในโกดัง เนื่องจากพื้นที่ติดกับแม่น้ำเมย ใกล้ชายแดนไทย – เมียนมาร์

สำหรับการดับเพลิง เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสถานที่ทางเข้าคับแคบ เป็นชุมชนแออัด และรถน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ต้องใช้เวลานาน ในการดับเพลิง จนถึงเวลา 22.15 นาที เพลิงยังไม่ดับ มีเปลวไฟลุกขึ้นตลอด สำหรับความเสียหายในเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท มีจักรยานไม่น้อยกว่า 10,000 คัน

ล่าสุดเช้านี้บรรยากาศบริเวณที่เกิดเหตุเงียบเหงาเนื่องจากทางเจ้าของห้ามบุคคลผ่านเข้าออก ห้ามถ่ายภาพ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดตากเข้ามาตรวจสอบสาเหตุ เบื้องต้นพบว่ามีเศษซากจักรยานถูกเพลิงไหม้กองเป็นจำนวนมาก รวมทั้งซากอาคารซึ่งเป็นโครงเหล็กล้มระเนระนาด ในขณะที่เจ้าของคือนายสุรชัย วีระสมเกียรติ และครอบครัวเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้เตรียมบินกลับแล้ว
       
       โดยมีบุตรสาวและบุตรชายดูแลกิจการแทน ส่วนค่าเสียหายยังประเมินไม่ได้ รวมทั้งสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะบริเวณดังกล่าวไม่มีผู้คนอาศัย และเดชะบุญมีรถดับเพลิงเข้ามาช่วยดับเพลิงจึงทำให้ไม่ลุกลามข้ามไปติดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นโรงงานใหญ่มีคนงานหลายพันคน มีทั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ และผ้าจำนวนมากเก็บไว้